วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันออกพรรษา

 ประเพณีเกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา
           ประเพณีเกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา ที่นิยมปฏิบัติอยู่ 2 อย่าง คือ



          หลังวันออกพรรษา 1 วัน คือ แรม 1 ค่ำ เดือน 11 จะมีการ "ตักบาตรเทโว" หรือชื่อเต็มตามคำพระว่า "เทโวโรหนะ" แปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก โดยสามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ตักบาตรดาวดึงส์" โดยอาหารที่นิยมนำไปใส่บาตรคือ ข้าวต้มมัด และ ข้าวต้มลูกโยน


ความเป็นมาของประเพณีตักบาตรเทโว มีดังนี้


          สมัยพุทธกาล เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม และเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาโดยจำพรรษาอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลา 1 พรรษา และเมื่อออกพรรษาแล้วพระองค์ได้เสด็จกลับยังโลกมนุษย์ ณ เมืองสังกัสสคร การที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกตามศัพท์ภาษาบาลีว่า "เทโวโรหณะ" ในครั้งนั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธาเลื่อมใส เมื่อทราบข่าวต่างพร้อมใจกันไปรอตักบาตรเพื่อรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น จนถือเป็นประเพณีตักบาตรเทโวปฏิบัติสืบทอดกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้


          โดยพิธีตักบาตรเทโวโรหณะในปัจจุบันนั้นจะเริ่มตั้งแต่ตอนรุ่งอรุณ หลัง วันออกพรรษา พระภิกษุสามเณรลงทำวัตรในพระอุโบสถ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็สมมติว่า พระลงมาจากบันไดสวรรค์ บางที่ก็มีดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิม สมมุติว่าเป็นพวกเทวดาบรรเลง ขับกล่อมตามส่งพระพุทธเจ้า ยังมีพวกแฟนตาซีอีก แต่งเป็นพวกยักษ์ เทวดา พระอินทร์ พรหม นางเทพธิดา นำหน้าขบวนพระภิกษุสามเณร ชาวบ้านก็จะใส่บาตรด้วยอาหารหวาน อาหารคาว ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มมัดจึงเป็นสัญลักษณ์ของพิธีนี้



          งานเทศน์มหาชาติ นิยมทำกันหลัง วันออกพรรษา พ้นหน้ากฐินไปแล้ว ซึ่งกฐินจะทำกัน 1 เดือนหลังออกพรรษา ที่จะร่วมกันทอดกฐินทั้ง จุลกฐิน และ มหากฐิน โดยประเพณีงานเทศน์มหาชาติอาจทำในวันขี้น 8 ค่ำกลางเดือน 12 หรือในวันแรม 8 ค่ำ ก็ได้ เพราะในช่วงนี้น้ำเริ่มลดและข้าวปลาอาหารกำลังอุดมสมบูรณ์ จึงพร้อมใจกันทำบุญทำทานและเล่นสนุกสนานรื่นเริง แต่ในภาคอีสานนั้นนิยมทำกันในเดือน 4 เรียกว่า "งานบุญพระเวส"  ซึ่งเป็นช่วงที่เสร็จจากการทำบุญลานเอาข้าวเข้ายุ้ง ในภาคกลาง บางท้องถิ่นทำกันในเดือน 5 ต่อเดือน 6 ก็มี


          งานเทศน์มหาชาตินั้นจะทำในเดือนไหนก็ได้ไม่จำกัดฤดูกาล โดยมากเพื่อเป็นการหาเงินเข้าวัด บางแห่งนิยมทำในเดือน 10 โดยการเทศน์มหาชาตินั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 13 กัณฑ์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวสสันดรอันเป็นพระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนที่จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และออกบวชจนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



นอกจากนี้ในแต่ละภาคก็จะมีประเพณีที่ต่างกันไป


วันออกพรรษา ภาคกลาง


          จังหวัดนครปฐม ที่พระปฐมเจดีย์ พระภิกษุสามเณรจะมารวมกันที่องค์พระปฐมเจดีย์ แล้วก็เดินลงมาจากบันไดนาคหน้าวิหารพระร่วง สมมติว่าพระเดินลงมาจากบันไดสวรรค์ชาวบ้านก็คอยใส่บาตร


          จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ณ วัดสะแกกรัง พระภิกษุก็จะเดินลงมาจากเขารับบิณฑบาตจากชาวบ้าน โดยขบวนพระภิกษุสงฆ์ที่ลงมาจากบันไดนั้นนิยมให้มีพระพุทธรูปนำหน้า ทำการสมมติว่าเป็นพระพุทธเจ้า จะใช้พระปางอุ้มบาตร ห้ามมาร ห้ามสมุทร รำพึง ถวายเนตรหรือปางลีลา ตั้งไว้บนรถหรือตั้งบนคานหาม มีที่ตั้งบาตรสำหรับอาหารบิณฑบาต


          แต่สำหรับบางที่ไม่นิยมตักบาตรเทโว แต่นิยมตักบาตรตอนเช้าถวายอาหารพระภิกษุแล้วฟังเทศน์รักษาอุโบสถศีล ส่วนที่นิยมตักบาตรเทโว จะทำบุญเป็น 2 วัน คือวันออกพรรษากับวันเทโว ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 11  ในวันออกพรรษานั้น หรือในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ก็มีการฟังเทศน์ตอนสาย ๆ และรักษาอุโบสถศีล


          ส่วนทางภาคใต้ก็จะมีประเพณีชักพระหรือลากพระ ซึ่งก็คือพระพุทธรูปนั่นเอง โดยมี 2 กรณี คือ ชักพระทางบก กับ ชักพระทางน้ำ 



พิธีชักพระทางบก          


          ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนวันชักพระ 2 วัน จะมีพิธีใส่บาตรหน้าล้อ นอกจากอาหารคาวหวานแล้ว ยังมีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของงาน คือ "ปัด" หรือข้าวต้มผัดน้ำกะทิห่อด้วยใบมะพร้าว บางที่ห่อด้วยใบกะพ้อ (ปาล์มชนิดหนึ่ง) ในภาคกลางเขาเรียกว่า ข้าวต้มลูกโยน ก่อนจะถึงวันออกพรรษา 1 - 2 สัปดาห์ ทางวัดจะทำเรือบก คือ เอาท่อนไม้ขนาดใหญ่ 2 ท่อนมาทำเป็นพญานาค 2 ตัว เป็นแม่เรือที่ถูกยึดไว้อย่างแข็งแรง แล้วปูกระดาน วางบุษบก บนบุษบกจะนำพระพุทธรูปยืนรอบบุษบกก็วางเครื่องดนตรีไว้บรรเลง เวลาเคลื่อนพระไปสู่บริเวณงานพอเช้าวัน 1 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านจะช่วยกันชักพระ โดยถือเชือกขนาดใหญ่ 2 เส้นที่ผูกไว้กับพญานาคทั้ง 2 ตัว เมื่อถึงบริเวณงานจะมีการสมโภช และมีการเล่นกีฬาพื้นเมืองต่างๆ กลางคืนมีงานฉลองอย่างมโหฬาร อย่างการชักพระที่ปัตตานีก็จะมีชาวอิสลามร่วมด้วย



          ก่อนถึงวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ทางวัดที่อยู่ริมน้ำ ก็จะเตรียมการต่างๆ โดยการนำเรือมา 2 - 3 ลำ มาปูด้วยไม้กระดานเพื่อตั้งบุษบก หรือพนมพระประดับประดาด้วยธงทิว ในบุษบกก็ตั้งพระพุทธรูป ในเรือบางที่ก็มีเครื่องดนตรีประโคมตลอดทางที่เรือเคลื่อนที่ไปสู่จุดกำหนด คือบริเวณงานท่าน้ำที่เป็นบริเวณงานก็จะมีเรือพระหลายๆ วัดมาร่วมงาน ปัจจุบันจะนิยมใช้เรือยนต์จูง แทนการพาย เมื่อชักพระถึงบริเวณงานทั้งหมด ทุกวัดที่มาร่วมจะมีการฉลองสมโภชพระ มีการละเล่นต่างๆ อย่างสนุกสนาน เช่น แข่งเรือปาโคลน ซัดข้าวต้ม เป็นต้น เมื่อฉลองเสร็จ ก็จะชักพระกลับวัด บางทีก็จะแย่งเรือกัน ฝ่ายใดชนะก็ยึดเรือ ฝ่ายใดแพ้ต้องเสียค่าไถ่ให้ฝ่ายชนะ จึงจะได้เรือคืน


          ในเขตที่มีบ้านเรือนอยู่ในเขตแม่น้ำลำคลองก็จะมีพิธีรับพระเช่นกัน อย่างที่อำเภอบางบ่อ บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ทางวัดจะอัญเชิญพระพุทธรูปยืนลงบุษบกในตัวเรือแล้วแห่ไปตามลำคลอง ชาวบ้านก็จะโยนดอกบัวจากฝั่งให้ตกในเรือหน้าพระพุทธรูป แล้วโยนข้าวต้ม และยังมีการแข่งขันเรือชิงรางวัลอีกด้วย หรือจะเป็นประเพณีตักบาตรพระร้อย ที่เป็นการใส่บาตรพระร้อยรูป ส่วนมากจะจัดพิธีขึ้นทางน้ำเนื่องจากแต่ก่อนบ้านเรือนจะอยู่ติดแม่น้ำลำคลอง การสัญจรไปไหนมาไหนก็จะใช้เรือ พระส่วนใหญ่จึงใช้เรือในการออกบิณฑบาต



           1. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ


           2. ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล ถวายสังฆทาน ถวายภัตตาหาร หรือจัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา


           3. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว"


           4. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัด และสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา


           5. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษาฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป


           6. งดการเที่ยวเตร่ ละเว้นอบายมุข รวมทั้งละเว้นการฆ่าสัตว์และบริโภคเนื้อสัตว



กิจกรรมต่างๆ ที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติใน วันออกพรรษา



พิธีชักพระทางน้ำ



ประเพณี วันออกพรรษา ในแต่ละภาค



2. ประเพณีเทศน์มหาชาติ หลัง วันออกพรรษา



1. ประเพณีตักบาตรเทโว หลัง วันออกพรรษา 

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โปรแกรม ห้องสมุด NewLibrary

            โปรแกรม ห้องสมุด NewLibrary :  เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการยืม-คืนหนังสือ  ซึ่งเขียนขึ้นมาสำหรับใช้ในห้องสมุดของโรงเรียนทั่วไป  ดังนั้นลักษณะของโปรแกรมจะเน้นเกี่ยวกับข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลของนักเรียน  ซึ่งโปรแกรมนี้จะเขียนด้วย Delphi5 และใช้ฐานข้อมูลเป็น Microsoft AccessXP

ข้อจำกัดและความสามารถ ของโปรแกรมนี้ คือ

1. จะทำงานบน Windows XP

2. ควรปรับความละเอียดของหน้าจอ ที่ 800 x 600 หรือมากกว่านี้ เพื่อที่จะแสดงผลได้ครบทุกส่วน

3. การรับข้อมูลนักเรียนและหนังสือ จะทำงานร่วมกับ BarCodeได้

4. เนื่องจากโปรแกรมนี้ใช้ฐานข้อมูลเป็น Microsoft Access ดังนั้นในเครื่องควรมีการติดตั้ง Microsoft Access  ไว้ด้วย เพื่อสะดวกในการปรับข้อมูล  และใช้ในการแก้ไขข้อมูล  ควรมีความรู้ในการใช้Microsoft Accessอยู่บ้าง (โปรแกรมนี้จะใช้ Microsoft  Access XP)

5. โปรแกรมนี้จะอาศัยการทำงานของ ODBC  Datasource  ซึ่งจะเข้าไปดูได้ที่ Control Panel -> ODBC Datasource ซึ่งจะมี ODBC ที่ชื่อ  dsnNewLibrary  ที่มี Driver เป็น Microsoft Access Driver(.mdb) ถ้าไม่มีตัวนี้โปรแกรมจะทำงานไม่ได้

6. มีวิธีการใช้โปรแกรม รวมอยู่ในโปรแกรม ...


Version 5.0 : สำหรับในเวอร์ชั่นนี้ ก็มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ครับ ...

1. ปรับปรุงการคืนหนังสือของสมาฃิกที่มีข้อมูลไม่ครบ

2. ปรับเรื่องการสืบค้นหนังสือ

3. เพิ่มการพิมพ์บัตรรายการห้องสมุด

4. เพิ่มรูปแบบการพิมพ์บาร์โค้ดและพิมพ์บัตรสมาชิก


Version 4.0 : สำหรับในเวอร์ชั่นนี้ ก็มีการ "ปรับปรุงการพิมพ์บาร์โค้ด" ครับผม ..

Version 3.0 : สำหรับในเวอร์ชั่นนี้ ก็มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ครับ ...

สามารถ ใช้ได้กับ Windows 95 ,98 , ME และ XP และใน Windows XP มีความละเอียดหน้าจอ 2 แบบ และสุดท้ายอย่าลืม กรุณาอ่าน Readme.txt ก่อนติดตั้ง เหมือนเดิมครับ ..


Version 2.0 : สำหรับในเวอร์ชั่นนี้ ก็มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ครับ ...

1. เพิ่มค้นหาข้อมูล และ การพิมพ์บาร์โค้ด
2. กรุณาอ่าน Readme ก่อนการติดตั้ง

เพียงส่วนหนึ่งในหนังสือดี 100 เล่ม ที่ควรอ่าน



รุ่งอรุณ
ผู้เขียน กิ่งฉัตร / สำนักพิมพ์อรุณ / ราคา 239 บาท
นิยายใหม่ล่าสุดของนักเขียนที่คุณไม่ต้องห่วงเรื่องฝีมือ เดินเรื่องแบบสืบสวนสอบสวน ค่อยๆ คลี่คลายปมทั้งคดีฆาตกรรม และคดีด้านหัวใจของตัวเอกทั้งสอง (ฮี้ว...) ซึ่งเป็นตัวละครตัวเดียวกับหนังสือเล่มก่อนของกิ่งฉัตร จุดเด่นอีกอย่างใช้ลาสเวกัสเป็นฉากหลัง ซึ่งถ้าอ่านจบคุณอาจจะโทรจองตั๋วเครื่องบินแพ็กกระเป๋าทันทีก็ได้ เอาเป็นว่าถ้าเป็นแฟนของกิ่งฉัตรก็ไม่น่าพลาด!!



สุดยอดเดอะซีเคร็ต (The Meta Secret)
ผู้เขียน เมล กิลล์ (Mel Gill) ผู้แปล ดนัย จันทร์เจ้าฉาย / สำนักพิมพ์ DMG Book / ราคา 265 บาท
หนังสือแนวอภิปรัชญาที่ติดอันดับขายดีในหลายประเทศทั่วโลก เป็นเรื่องของ “กฎแห่งจักรวาล 7 ข้อ” ซึ่งเป็นเรื่องของความคิดที่มีผลกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตอย่างที่คุณคิดไม่ถึง ถ้ากำลังอยากเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ตัวเองก็นับว่าเล่มนี้น่าสนใจ
เอางี้ดีกว่า...เราขอยกคำพูดของ นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ที่พูดในวันเปิดตัวเล่มนี้ ซึ่งน่าจะตรงกับความต้องการของสาว 40 อัพอย่างเรา และอธิบาย concept ของหนังสือได้คือ...
“ถ้าร่างกายเราคือพลังงาน จะทำอย่างไรที่จะเข้าสู่พลังงานตัวเราได้ สังเกตว่าเช้าไปทำงานเย็นหมดพลัง ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะใช้ชีวิตเร่งรีบ ถ้าช้าไม่ได้จะต้องเลือกใส่บางสิ่งในชีวิตเป็นที่มาของคำว่าพอเพียง เราต้องตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิตไป ชีวิตจะช้าลงเมื่อชีวิตช้าลงจะกลับไปสู่ตัวเองได้”



ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น 2
ผู้เขียน สม สุจีรา / สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ / ราคา 139 บาท
หนังสือแนวธรรมะที่อธิบายด้วยวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ นักเขียนเอาทฤษฎีควอนตัมของไอน์สไตน์มาเชื่อมโยงหลักพระพุทธศาสนาได้ดี แม้คนไม่มีพื้นความรู้ทฤษฎีควอนตัม (แน่นอนว่ารวมตัวอิชั้นด้วย !) ก็อ่านเข้าใจได้ไม่ยาก สนุก น่าสนใจ อ่านแล้วน่าจะได้มุมมองใหม่ๆ สำนักพิมพ์ถึงขนาดเคลมไว้เลยว่า ...เพราะเหตุใดไอน์สไตน์จึงพยายามพัฒนาทฤษฎีสนามรวมพลังจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต คำตอบรออยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว



เล่นหุ้นออนไลน์ไม่ยาก
ผู้เขียน วีรวัฒน์ วีรวรรณ / สำนักพิมพ์ Think Beyond / ราคา 185 บาท
มาที่แนวลงทุนกันบ้าง เล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่มีความสนใจอยากจะศึกษาเรื่องหุ้นเบื้องต้น เรื่องยากๆ ที่เป็นเหมือนยาขมสำหรับคนไม่มีความรู้ถูกเล่าให้ง่ายด้วยภาพและการ์ตูน เป็นหนังสือแนวนี้ที่น่าสนใจอีกเล่ม ก่อนที่คุณจะไปซื้อหนังสือเล่มอื่นๆ มาศึกษาเพิ่ม เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลเยอะๆ



ฟรีด้อมเทรดเดอร์ : Freedom Trader
ผู้เขียน ภาววิทย์ กลิ่นประทุม / สำนักพิมพ์สต็อคทูมอร์โรว์ / ราคา 225 บาท
แนวลงทุนกันอีกเล่ม เล่มนี้เพิ่งร่วงจากอันดับหนึ่งของร้านซีเอ็ดเมื่อสัปดาห์นี้เอง คนเขียนกล้าหาญขนาดโปรยไว้หน้าปกว่า ...กาแฟสักแก้ว กางเกงใน แล็ปท็อป และก็ Technical ...แค่นี้ก็ทำเงินได้แล้ว !!! เขาอธิบายเกี่ยวกับ Freedom Trader ว่าเป็นอาชีพอิสระที่สามารถทำเงินในชุดนอน ที่มีความเชื่อว่าความมั่งคั่งในโลกยุคต่อไป ไม่ได้อยู่ในมือเจ้านายหรือใครก็ตาม แต่มันอยู่ในมือคุณ ถ้าสนใจการลงทุนก็น่าอ่าน เพราะคนเขียนกลุ่มนี้กำลังมาแรงในสายนี้ทีเดียว




ผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก 2
ผู้เขียน Sherry Argov ผู้แปล กาละแมร์ -พัชรศรี เบญจมาศ / สำนักพิมพ์วีเิลิร์น / ราคา 179 บาท
เล่มนี้แหละที่เบียดขึ้นมาเป็นปกที่ขายดีเบอร์ 1 ของร้านซีเอ็ดกันสดๆ ในสัปดาห์นี้ แปลโดยพิธีกรคนเก่ง กาละแมร์ –พัชรศรี ประเด็นของหนังสือคือการตั้งคำถามว่าทำไมผู้หญิงแสนดีถึงตกม้าตาย แต่ผู้หญิงร้ายๆ กลับได้ผู้ชายไปครอง เอ๊อ...น่าสนใจ เป็นการตั้งคำถามย้อนเข้าข้างใน เพื่อทบทวนตัวเองได้ดีเหมือนกัน อ่านแล้วจะได้แต่งงานเหมือนที่หนังสือว่าไว้หรือเปล่าไม่รู้ แต่คุณน่าจะได้ทบทวนวิธีการจัดการความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามได้ดีขึ้นแน่ๆ



ฉันคือเอรี่ กับประสบการณ์ข้ามแดน

ผู้เขียน ธนัดดา สว่างเดือน / สำนักพิมพ์ Woman Publisher / ราคา 159 บาท
กำลังฮ็อตสุดๆ เหมือนกันเล่มนี้ ตัวหนังสือมีน่าสนใจมาก เพราะเป็นสารคดีจากชีวิตจริงของผู้หญิงที่ยอมเปิดเผยว่าเคยมีอาชีพขายตัว หนังสือได้รับรางวัลชมนาดระดับดีเด่นของปีที่แล้ว รศ.ดร.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ เขียนชมเล่มนี้ไว้ดีจนต้องขอยกมาให้คุณๆ อ่านกันว่า...
“เป็นหนังสือที่เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ซึ่งมิได้มีทักษะด้านกลวิธี การประพันธ์ตรงไปตรงมา ใช้ภาษาปากปนภาษาเขียน ใช้บุพบท สันธาน ผิดที่ผิดทาง ซึ่งเป็นการดีอย่างยิ่งที่บรรณาธิการไม่ได้ตกแต่งแก้ไขภาษาของผู้เขียนเลย เพราความดิบและความขรุขระของภาษากลับสะท้อนความจริงใจ ไร้เดียงสา ปราศจากมายาจริต ชวนให้ติดตามอ่านเรื่องราวของผู้เขียนที่กำลังปอกเปลือกชีวิตตัวเองที่ละนิด รวมทั้งชีวิตของผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เลือกเดินบนเส้นทางชีวิตสายเดียวกัน”
ซึ่งถ้าใครอยากอ่านสัมภาษณ์ของคุณเอรี่ล่ะก็ Women40plus เพิ่งจะสัมภาษณ์เธอไปค่ะ อ่านได้ใน "ความหมายใหม่ในชีวิต ของธนัดดา สว่างเดือน"



ใช้ให้เป็น เล่นให้เพลิน Android + 100 แอปพลิเคชัน
ผู้เขียน กิตติ ภูวนิธิธนา / สำนักพิมพ์ Witty Group / ราคา 169 บาท
ตอนนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนใช้ Smart Phone แต่กับวัย 40 อัพอย่างเรามันน่าปวดหัวน้อยเสียเมื่อไหร่กับเทคโนโลยีใหม่ๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณกำลังเมียงมอง Smart Phone ในระบบปฏิบัติการ Android เล่มนี้น่าจะช่วยคุณได้เยอะทีเดียว หนังสือจะพาคุณไปทำความรู้จักกับความสามารถของ Android เพื่อให้คุณใช้งานได้เต็มที่คุ้มราคา (ใช้ได้กับทุกค่าย ทุกยี่ห้อ ทั้ง HTC, Samsung Galaxy, i-Mobile, Wellcom, LG, Acer) และแน่นอนว่าต้องมีแนะนำแอปพลิเคชันและเกมฮิตไว้ด้วย จะดาวน์โหลดแอปไหนมาใช้ก็ง่ายละทีนี้

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

อ่านหนังสือทำให้ฉลาดขึ้น

           การอ่านหนังสือ เป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญมากอ่านแล้วเราได้อะไร การอ่านหนังสือเป็นการผ่อนคลายความเครียดที่เกิดจากการทำกิจกรรม การเรียนและการทำงาน การอ่านหนังสือจะทำให้เกิดปัญญาเกิดความรู้ เกิดความเข้าใจ เกิดประสบการใหม่ เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองและเกิดความคิดที่ให้เกิดความสร้างสรรค์ ช่วยให้พัฒนาตนเอง และรู้จักปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข ดันนั้น การอ่านจึงมิได้เพียงแต่อ่านเป็น แต่เป็นการอ่านแล้วนำไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ จึงจะถือว่าเป็นการอ่านที่สมบูรณ์ การอ่านหนังสือจึงมีความสำคัญและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมความสำเร็จในชีวิต

           เทคนิคการอ่านหนังสือ
-  เริ่มจากการอ่านหนังสือที่เราชอบ
-  หาแรงบรรดาลใจเช่น เช่น บุคลที่เราชื่นชอบ เราก็แค่ไปศึกษาอ่านประวัติของเขา หรือจะเป็นหาบุคคลตนแบบที่เขาประสบความสำเร็จที่เราชื่นชอบก็ได้
-  พยายามอ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราบ่อยๆ เช่น บทความที่ติดประกาศ ป้ายโฆษณา ทุกอย่างถือเป็นความรู้ใหม่ที่เราจะได้รับ

           เทคนิคการอ่านหนังสือสอบ
           เคยไหมว่าเวลาอ่านหนังสือสอบทีไรเหมือนหนังสือเรียนเป็นยานอนหลับชั้นดีที่เวลาอ่านทีไรรู้สึกง่วงนอนทุกที  เวลาเราจะอ่านหนังสือสอบเราอย่าเร่งอ่านหนังสือเพียงก่อนสอบวันเดียวเพราะบางทีสมองเรามันก็ไม่สามารถที่จะรับได้ เราสามารถเตรียมตัวสอบได้ดังนี้
-  เวลาเรียนอ่านก่อนและทบทวนหลังเรียนทุกครั้ง
-  ช่วงเวลาที่ทำให้เราจดจำได้ดีคือช่วงเวลา 04.00 น.- 07.00 น. อ่านหนังสือช่วงนี้จะทำให้เราจดจำได้ดี
-  เวลาอ่านหนังสือพยายามอ่านหนังสือคนเดียว เพราะบางทีเราอ่านหนังสือกับเพื่อนมันจะเป็นการคุยกันมากกว่าการอ่านหนังสือ
-  ขณะอ่านหนังสือควรกินน้ำบ่อย ๆ เพราะจะทำให้สมองเรารู้สึกผ่อนคาย
           เทคนิคต่าง ๆ เราสามารถปรับใช้ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้อยู่กับตัวเราว่าจะ ตั้งจุดมุ้งหมายไว้เพียงใด ก่อนจะทำอะไรเราก็ต้องมีวัตถุประสงค์ มีเป้าหมาย ทุกอย่างเราเป็นคนกำหนดตัวเราเองสิ่งแวดล้อมข้าง ๆ เป็นเพียงเส้นบาง ๆ ที่จะทำให้เรามีแรงกระตุ้นให้เราประสบความสำเร็จ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

บรรณารักษ์ยุคใหม่

          บรรณารักษ์จะต้องตื่นตัว และเปลี่ยนความคิดจากการเป็นผู้จัดหนังสือ เป็นผู้จัดรวบรวม เรียบเรียง และนำเสนอความรู้ให้กับผู้ใช้บริการทุกระดับเพื่อให้ผู้ใช้นำไปใช้งานต่อ จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้อินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์
           ความรู้และทักษะที่บรรณารักษ์จะต้องมีดังนี้
 - ความรู้ด้านไอที หรือความรู้ด้านคอมพิวเตอร์
 - ความรู้ด้านการจัดการและบริหารงานสมัยใหม่
 - มีทักษะและเข้าใจหลักในการสืบค้นข้อมูลออนไลน์
 - รู้จักสื่อในยุคใหม่ๆ (New Media)
 - รู้จักและเข้าใจการใช้งานของเว็บไซต์


           นอกจากจะต้องเชี่ยวชาญในเรื่องของ IT แล้ว บรรณารักษ์ยุคใหม่จะต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา คือ มีการจัดการความรู้ โดยใช้เครื่องมือการจัดการความรู้ ดังนี้
  1. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ( Knowledge  Forum /Sharing )  คือการจัดประชุมหรือกิจกรรมเพื่อเป็นเวทีให้บุคลากรในองค์กรได้พบปะพูดคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อให้เกิดการกระจายความรู้
  2.  ชุมชนนักปฎิบัติ  (Community  of  practice : Cop )  เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่รวบรวมกลุ่มคนที่มีความรู้ความสนใจในเรื่องเดียวกันมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วกัน
  3.  งานวิจัยสู่การปฏิบัติ  (RToR ) การพัมนางานประจา ที่ปฏิบัติอยู่ให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ และเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานภายในห้องสมุด และภายนอกห้องสมุดที่สนใจ

            ซึ่งในการจัดการความรู้สิ่งที่จะได้คือได้องค์ความรู้จากบุลคลที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีคลังความรู้ที่จะพัฒนางาน

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ห้องสมุดมีชีวิต

        ปัจจุบัน ห้องสมุดมีชีวิต
ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในประเทศไทย
กระทรวงศึกษาธิการได้ให้นโยบายในการพัฒนาการศึกษา
และการเรียนรู้ของไทยว่าควรทำให้ห้องสมุดมีชีวิต
ห้องสมุดมีชีวิตจึงเป็นคำอุปมาที่มีความหมายได้หลายความหมายขึ้นอยู่กับการนำมาใช้

        "ห้องสมุดมีชีวิต" (Living Library)
หมายถึง ห้องสมุดที่มีระบบบริหารจัดการทรัพยากรสารสนเทศให้ทันสมัยครบถ้วน
สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และสร้างนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืนสำหรับบุคคลทุกเพศ ทุกวัย
ด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการเรียนรู้
สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว มีบริการและกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต


          และในส่วนนี้ดิฉันก็มีภาพห้องสมุดมีชีวิตมาฝากค่ะ











วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

ห้องสมุด 3ดีคืออะไรใครอยากรู้

ห้องสมุด 3 ดี
      ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศนโยบายในการพัฒนาห้องสมุดทุกแห่งให้เป็นห้องสมุด 3 ดี คือ หนังสือดี บรรยากาศดี และบรรณารักษ์ดี ดังนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพัทลุง เขต 1 ให้มีคุณลักษณะดังกล่าว จึงขอทำความเข้าใจคำว่าห้องสมุด 3 ดี ดังนี้
      
ดี 1 หนังสือดี และสื่อการเรียนรู้ดี หมายถึง หนังสือและสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ เนื้อหาสาระถูกต้อง ไม่เป็นพิษเป็นภัยและตรงใจผู้อ่านในรูปของสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่ออื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการอ่านและสร้างสรรค์ปัญญา
      
ดี 2 บรรยากาศ และสถานที่ดี หมายถึง ห้องสมุดที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า อุดมไปด้วยความรู้ ความบันเทิง อบอวลไปด้วยมิตรภาพ สะอาด ร่มรื่น ปลอดโปร่ง และปลอดภัยสำหรับทุกคนที่ใช้บริการ และต้องมีอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องสมุดครบครัน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต เครื่องถ่ายเอกสาร มีการจัดวางหนังสือให้ชวนเด็กหยิบอ่าน อากาศภายในเย็นสบาย กิจกรรมส่งเสริมรักการอ่านน่าสนใจ
      ดี 3 บรรณารักษ์ และกิจกรรมดี หมายถึง ครูที่ทำหน้าที่บรรณารักษ์เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจในงานห้องสมุด มีอัธยาศัยน้ำใจดี มีจิตบริการ ทำงานระดับ "มืออาชีพ" เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงความรู้ในห้องสมุดกับผู้ใช้บริการ มีความรู้ลึก รู้รอบ รู้กว้าง รู้ไกล ทันสมัย ทันกับความเปลี่ยนแปลงของสังคม เป็นนักจัดกิจกรรมส่งเสริมรักการอ่านและการเรียนรู้ เป็นผู้บริหารจัดการความรู้ที่ดี และปฏิบัติงานอย่างมีความสุข

ข้อเสนอแนะ แนวปฏิบัติไปสู่ห้องสมุด 3 ดี
      ดี 1 หนังสือดี และสื่อการเรียนรู้ดี           1. มีการวิเคราะห์ จัดหา จัดทำ รายชื่อหนังสือ/สื่อการเรียนรู้ในรูปของคณะกรรมการดำเนินการ
          
2. มีการวิเคราะห์ จัดหา จัดทำ รายชื่อหนังสือ/สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ หนังสือส่งเสริมการอ่านประเภทต่าง ๆ ที่คัดเลือกโดย สพฐ. และองค์กรหน่วยงานอื่น ๆ
          
3. มีการวิเคราะห์ จัดหา จัดทำ รายชื่อสื่อมัลติมีเดีย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
          
4. มีการจัดทำ พัฒนา และตรวจสอบคุณภาพหนังสือ/สื่อการเรียนรู้
          
5. มีการจัดทำ พัฒนา จัดหาสื่อการเรียนรู้ประเภทหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books) และสื่อมัลติมีเดีย
           6. มีการจัดประกวด จัดหาหนังสือเล่มเล็กในระดับชั้นต่าง ๆ เพื่อพัฒนาหนังสือดี มีคุณภาพ และมีหนังสือส่งเสริมการอ่านเพิ่มเติมมากขึ้น

      ดี 2 บรรยากาศ และสถานที่ดี           1. มีการพัฒนาจัดห้องสมุดแนวใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอาคารของโรงเรียน
          
2. ปรับปรุง ซ่อมแซม ตบแต่งห้องสมุดให้มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการอ่านและการเรียนรู้ และเหมาะสมกับวัยของผู้เรียน
          
3. จัดมุมเทิดพระเกียรติฯ มุมหนังสือใหม่ มุมสบาย มุมสืบค้นอินเตอร์เน็ต มุมดูหนังฟังเพลง มุมนิทรรศการ ฯลฯ ให้เป็นสัดส่วน สะดวกในการใช้งาน และไม่รบกวนผู้อื่น
           4. มีการติดต่อ ส่งเสริม และสนับสนุนด้านความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมปรับปรุงและพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดี

      ดี 3 บรรณารักษ์ และกิจกรรมดี           1. มีครูทำหน้าที่บรรณารักษ์ และนักเรียนช่วยงานห้องสมุดในรูปคณะกรรมการ
          
2. จัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาห้องสมุดมีชีวิต เพื่อส่งเสริมการอ่านและรักการเรียนรู้
          
3. จัดสถานที่ สภาพแวดล้อม และบรรยากาศห้องสมุดให้เอื้อต่อการเรียนรู้
          
4. จัดหมวดหมู่และทำรายการด้วยฐานข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์
          
5. ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศได้สะดวกต่อการเข้าถึงและใช้บริการ
          
6. จัดทำระเบียบ/ตารางการใช้ห้องสมุดที่ชัดเจน
          
7. จัดบริการ แนะนำการใช้ห้องสมุด การยืม-คืน และการสืบค้นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และทางอินเตอร์เน็ต
           8. จัดกิจกรรมส่งเสริมรักการอ่านอย่างหลากหลายและต่อเนื

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นักเขียนที่ติดตามผลงาน


ณิชา  ตันติเฉลิมสิน ( ณารา)

             ณิชา ตันติเฉลิมสิน เป็นเจ้าของนามปากกา ณารา นักเขียนโรมานซ์ของสำนักพิมพ์พิมพ์คำ เกิดที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่[1] จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยพายัพ สาขาการเงินการธนาคาร ได้เดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พอสำเร็จการศึกษาก็กลับมาทำงานที่บริษัทการเงินแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จนกระทั่งฟองสบู่แตก จึงออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน[1] พร้อมกับช่วยทำงานที่บริษัทของสามีในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคล จากนั้นเธอก็เริ่มต้นการเขียนนิยายจากการแปลนิยายให้กับสำนักพิมพ์แก้วกานต์[1] หลังจากนั้นได้เกิดพล็อตนิยายเรื่องปฏิบัติการล่า ตามหาหัวใจ ซึ่งเป็นนิยายเล่มแรก ผลงานที่ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์คือ ธาราหิมาลัย กลรักลวงใจ ส้มหวานน้ำตาลเปรี้ยว ปลาไหลป้ายแดง[2]

                ผลงานที่ดิฉันชื่นชอบคือเรื่อง กลรักลวงใจ นักรบแห่งมาซิดอน และ ไฟฝันวันรัก

                                                                             ข้อมูลจาก  http://th.wikipedia.org

แนะนำนักเขียนในดวงใจ


คุณสุภา สิริสิงห ( โบตั๋น)

             คุณสุภา สิริสิงห (โบตั๋น) เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๘ ที่อำเภอภาษีเจริญ ธนบุรี ปั ท่านเข้าเรียนชั้นประถมจนถึงชั้นมัธยมปีที่ ๓ ที่โรงเรียนสุธรรมศึกษา จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัฒนะศึกษาและโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ตามลำดับ ก่อนที่จะสอบเข้าศึกษาต่อที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกภาษาอังกฤษและภาษาไทย และสำเร็จการศึกษาอักษรศาสตรบัณฑิต เมื่อปี ๒๕๐๙

       เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว คุณสุภาได้เริ่มชีวิตการทำงานด้วยการเป็นครูโรงเรียนราษฎร์แห่งหนึ่งในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ได้เข้าทำงานที่นิตยสารชัยพฤกษ์ ซึ่งเป็นนิตยสารสำหรับเด็ก ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช เป็นเวลา ๓ ปี ก็ได้ลาออกไปทำงานแปลกับบริษัทประชาสัมพันธ์ของชาวต่างประเทศอยู่อีกช่วงหนึ่ง ครั้นถึงปี ๒๕๑๕ จึงได้เข้าร่วมงานกับนิตยสารสตรีสารรายสัปดาห์ โดยได้ทำงานในส่วนของสตรีสารภาคพิเศษสำหรับเด็ก ต่อมาได้เข้าทำงานประจำเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจแบบเรียนของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชไปด้วยจนกระทั่งลาออกมาเพื่อจัดตั้งสำนักพิมพ์ชมรมเด็ก ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่จัดพิมพ์หนังสือสำหรับเด็กเป็นหลัก ต่อมาก็ได้จัดตั้งสำนักพิมพ์สุวีริยาสาส์นขึ้นแทนชมรมเด็กที่เปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้จำหน่ายหนังสือสำหรับเด็ก

       ชีวิตการเป็นนักเขียนของ คุณสุภา สิริสิงห เริ่มขึ้นตั้งแต่ครั้งที่ยังเรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้เขียนเรื่องสั้นชื่อ “ไอ้ดำ” โดยใช้นามปากกาว่า “ทิพเกษร” ลงตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญจิต ส่วนนามปากกา “โบตั๋น” อันลือเลื่องนั้น เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๐๘ โดยคุณสุภาได้ใช้นามปากกานี้เขียนนวนิยายเรื่อง “น้ำใจ” เพื่อตีพิมพ์ในนิตยสารสตรีสาร จากนั้นก็ได้ใช้นามปากกา โบตั๋น นี้ ในงานประพันธ์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

       ผลงานการประพันธ์ที่ทำให้ชื่อเสียงคุณสุภา ในนามปากกาโบตั๋น เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายก็คือนวนิยายเรื่อง “จดหมายจากเมืองไทย” ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารสตรีสาร ระหว่างปี ๒๕๑๑-๒๕๑๒ นวนิยายเรื่องนี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและประสบความสำเร็จได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่นจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เรียกกันว่า “รางวัลซีโต้” หรือ รางวัล “ส.ป.อ.” ประจำปี ๒๕๑๒ หลังจากนั้น ท่านก็ได้สร้างสรรค์ผลงานประพันธ์อันทรงคุณค่าออกมาอีกมากมายทั้งประเภทนวนิยาย เรื่องสั้น และหนังสือสำหรับเด็ก

       ผลงานนวนิยายโดยหลักของคุณสุภา มีเนื้อหาที่สะท้อนถึงสภาพและปัญหาของสังคมที่เกิดขึ้นจริง โดยมุ่งเสนอเรื่องราวให้ผู้อ่านได้รับทั้งสาระและความบันเทิงบนพื้นฐานของการส่งเสริมศีลธรรมอันดีงาม ทั้งกระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดจิตสำนึกต่อปัญหาของสังคมด้วยลีลาและชั้นเชิงทางวรรรศิลป์ที่เฉียบคม ตัวอย่างนวนิยายของท่านที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ได้แก่ จดหมายจากเมืองไทย ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด ตราไว้ในดวงจิต สุดแต่ใจจะไขว่คว้า กว่าจะรู้เดียงสา ทองเนื้อเก้า วัยบริสุทธิ์ เกิดแต่ตม บัวแล้งน้ำ ตะวันชิงพลบ ฯลฯ

       ในด้านของผลงานประเภทเรื่องสั้นนั้น คุณสุภาก็ได้แต่งเอาไว้เป็นจำนวนมาก โดยลงพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ นับจนถึงปัจจุบันนี้ได้จัดพิมพ์รวมเล่มแล้ว ๔ เล่ม คือ แก้วสามดวง รักวัวให้ผูก รักลูกให้... คืนเหงา และฟ้าชอุ่มฝน

       ส่วนผลงานประเภทหนังสือสำหรับเด็กนั้นนับเป็นงานที่คุณสุภารักและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยมีผลงานตีพิมพ์ในนิตยสารชัยพฤกษ์ สตรีสารภาคเด็ก หน้าเด็กในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ชมรมเด็กและอื่นๆ อีกหลายเล่ม ตลอดจนจัดคอลัมน์ตอบปัญหาของเด็กที่เขียนจดหมายเข้ามาเป็นจำนวนมากมาย โดยใช้นามปากกาว่า “ปิยตา” และ “ปิยตา วนนันทน์” และบางเรื่องก็ใช้นามจริง ผลงานทางด้านนี้ของคุณสุภามีทั้งที่เป็นเรื่องแต่ง เรื่องแปล และเรื่องที่ดัดแปลง ผลงานสำหรับเด็กที่รวมพิมพ์เป็นเล่มแล้ว ได้แก่ นิทานหลายรส นิทานสัตว์รอบโลก ลูกไก่แสนสวย นกบินไม่ได้ สวนสวรรค์ รวมเรื่องสั้นสำหรับเด็กนานาชาติ เล่าเรื่องพระอภัยมณี เล่าเรื่องสามก๊ก สัตว์เลี้ยงแสนรัก สมุดภาพไดโนเสาร์ ฯลฯ

       นอกจากผลงานของ คุณสุภา สิริสิงห จะเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนไทยแล้ว ยังมีผลงานหลายเรื่องได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นวนิยายเรื่องจดหมายจากเมืองไทยนั้น มีผู้นำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศถึง ๑๐ ภาษา และยังมีผลงานอีกมากมายที่มีผู้นำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ ได้แก่ จดหมายจากเมืองไทย ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด กว่าจะรู้เดียงสา สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ทองเนื้อเก้า ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก บัวแล้งน้ำ ไม้ดัด ตะวันชิงพลบ เกิดแต่ตม ฯลฯ

       นอกจากความสำเร็จที่ได้รับจากความนิยายของผู้อ่านมาเป็นเวลายาวนานแล้ว คุณสุภา สิริสิงห ยังได้รับรางวัลทางวรรณกรรมสำคัญหลายรางวัล อาทิ
       - จดหมายจากเมืองไทย ได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่น ประจำปี ๒๕๑๒ ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
       - ไผ่ต้องลม ได้รับรางวัลชมเชยประจำปี ๒๕๒๓ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
       - ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด ได้รับรางวัลชมเชยประจำปี ๒๕๒๔ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
       - ทองเนื้อเก้า ได้รับรางวัลชมเชยประจำปี ๒๕๒๙ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
       - ก่อนสายหมอกเลือน ได้รับรางวัลชมเชยประจำปี ๒๕๓๐ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
       - ลูกไก่แสนสวย ได้รับรางวัลดีเด่นหนังสือเด็กเริ่มอ่าน ประจำปี ๒๕๑๖ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
       - นกบินไม่ได้ ได้รับรางวัลชมเชยสารคดีสำหรับเด็กประจำปี ๒๕๒๒ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
       - สวนสวรรค์ ได้รับรางวัลชมเชยหนังสืออ่านสำหรับเด็ก อายุ ๓-๖ ขวบ ประจำปี ๒๕๓๑ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ

       คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้ตระหนักว่า คุณสุภา สิริสิงห เป็นผู้ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์งานวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าสำหรับผู้อ่านทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็กเล็ก วัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยมีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมที่ดีงามและมีคุณภาพ โดยการใช้ความสามารถทางวรรณศิลป์อย่างมีอรรถรสเปี่ยมด้วยพลัง นับเป็นคุณูปการอย่างยิ่งต่อวงการวรรณกรรม จึงได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๒

 เรื่องที่ได้ตีพิพม์เป็นครั้งแรกคือเรื่องสั้นชื่อ "ไอ้ดำ" ลงในนิตยสารขวัญจิต เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๗ หลังจากนั้นก็เขียนนวนิยายขนาดยาว เรื่องที่ทำให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักอ่านคือ"จดหมายจากเมืองไทย " ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศถึง ๑๐ ภาษา

  ผลงานของโบตั๋นตลอด ๔๕ ปี มีดังต่อไปนี้....
กลิ่นดอกส้ม
ดอกไม้ริมทาง
พิมพิลาป
กว่าจะรู้เดียงสา
ดั่งสายน้ำไหล
เพรงกรรม
ก่อนสายหมอกเลือน
ดั่งหนึ่งเม็ดทราย
ไฟในดวงตา
กัณหาชาลี
ดาวแต้มดิน
ไฟฝัน
เกิดแต่ตม
ตราไว้ในดวงจิต
ภาพลวง
แก้วตาดวงใจ
ตะวันชิงพลบ
ไม้ดัด
คลื่นเหนือน้ำ
จันทร์ข้างแรม
ยายหนูลูกพ่อ
ความสมหวังของแก้ว
ทองเนื้อเก้า
ฟ้าชอุ่มฝน (รวมเรื่องสั้น)
คืนเหงา
แม้นรกมากั้น
รอยอดีต
คู่ยาก
ทิพย์ดุริยาง
รุ้งสีชมพู
แค่เอื้อม
นวลนางข้างเขียง
ลูกแม่
จดหมายจากเมืองไทย
นะหน้าทอง
วัยบริสุทธิ์
จากผงธุลีดิน
น้ำใจ
รักวัวให้ผูก รักลูกให้...
โฉด
บัวแล้งน้ำ
สัมปานหัวใจ
ซุ้มสะบันงา
บ้านสอยดาว
สายสัมพันธ์
ดงคนดิบ
ปลายฝนต้นหนาว
สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก
ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด
เหนือพื้นพสุธา
ด้วยสายใยแห่งรัก
ไผ่ต้องลม
เหยื่อ
ดอกกระถินริมรั้ว
เล่ห์
(เรื่องล่าสุดปี 2549)
แฝดพี่ ฝาดน้อง
อเวจีสีชมพู (เรื่องล่าสุดปี 2550)

เรือนทรายชายน้ำ
กล้วยไม้กลีบช้ำ
(เรื่องล่าสุดปี 2552)






















                                              ข้อมูลส่วนนี้จาก www.chomromdek.com 

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วัดไทยดังไกลระดับโลก

          เป็นที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่วัดไทยของเราไปสร้างชื่อเสียงไกลถึงระดับโลก  เพราะการจัดอันดับวัดที่สวยงามที่สุดในโลก วัดร่องขุ่นติด อันดับ 2 ของโลก
วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาคคือคุณ  วันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่ และมี  พระกิตติพงษ์ กัลยาโณ รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน

วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
 - วัด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 - 18.00 น.
 -  ห้องแสดงภาพ : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์ - ศุกร์ 8.00 - 17.30 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 8.00 - 18.00 น.


วัดไทยที่สวยๆมีเยอะมาก วันนี้ขอแนะนำวัดร่องขุ่นเป็นอันดับแรก





                                             วัดร่องขุ่น












วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ข่าวประชาสัมพันธ์เกียวกับสำนักวิทยบริการ ม. ราชภัฏอุบลราชธานี

          ในเร็วๆนี้ทุกคนจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล่าสุดที่ทางสำนักวิยบริการจะจัดทำขึ้นนั้นก็คือ ระบบการบริการและการจักการทรัพยากรสารนิเทศในห้องสมุดด้วยเทคโนโลยี RFID เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สัญญาณคลื่นวิทยุในการระบุลักษณะทรัพยากร และอ่านรหัส โดยเป็นระบบที่สามรถทำงานเชื่อมต่อกับระบบห้องสมุดอัตโนมัติ การที่สำนักวิทยบริการมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามานี้ คือการคืนหนังสือด้วยตู้อัตโนมัติ ถือว่าเป็นกาส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้ใช้เกิดการเรียนรู้เทคโนโลยีอันจะนำไปสู้การคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ และยังเพิ่มความนิยมการใช้ห้องสมุดอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นักศึกษาบรรณารักษ์เข้าร่วมรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

          ที่มาหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแสดงผลงานของนักเรียน
ตชด. ซึ่งในงานนี้ทางสาขาวิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ร่วมกับสำนักวิทยบริการม.ราชภัฏอุบลราชธานีร่วมจัดนิทรรศการ เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับห้องสมุดและภาพกิจกรรมที่ไปจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้กับโรงเรียน ตชด. ข้าพเจ้ารู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้มีโอกาส รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

                                                            ภาพแห่งความประทับใจ




                                              ถ่ายรูปร่วมกับอาจารย์ในคณะมนุษยศาสาตร์

นักศึกษาบรรณารักษ์ ศึกษาดูงานทีสำนักพิมพ์ไทยรัฐ ที่ กรุงเทพมหานคร

          ต้องบอกว่าที่สำนักพิมพ์ไทยรัฐเขาระเบียบมาก ประทับใจในเรื่องของกระบวนการบริหารงานซึ่งมีระเบียบมากมาที่นี้เราก็ได้รู้จักสำนักพิมพ์ไทยรับมากขึ้น เราได้ทราบกระบวนการผลิตหนังสือพิมพืแหล่งทีมาของเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างมือในการผลิตส่วนใหญ่จะนำมาเข้าจากยุโรป และกระนำเข้าจากเกาหลี ส่วนการผลิตผลิตได้ถึงวันละ 200,000 ฉบับต่อวัน และที่เป็นความรู้ไหม่ก็คือ หนังสือพิมพ์มีการแบ่งเนื้อหาตามภูมิภาคด้วย ซึ่งเขาจะมีสัญลักษณ์รูปดาวที่ด้านขวาหนังสือพิมพ์
          ๑ดาว คือฉบับที่จำหน่ายในภาคอีสาน
          ๒ดาว คือฉบับที่จำหน่ายในภาคเหนือ
          ๓ดาว คือฉบับที่จำหน่ายในภาคใต้
          ๔ดาว คือฉบับที่จำหน่ายในกรุงเทพ กรอบบ่าย
          ๕ดาว คือฉบับที่จำหน่ายในภาคกลาง
          ๖ดาว คือฉบับที่จำหน่ายในกรุงเทพ กรอบเช้า
ถือเป็นความรู้ใหม่ที่ยังไม่เคยรู้มากก่อน

                                                       ถ่ายรูปที่หน้าโรงพิมพ์ไทยรัฐ

บรรณารักษ์ศึกษาดูงานที่ หอสมุดแห่งชาติ ที่ กรุงเทพมหานคร

          ที่หอสมุดแห่งชาตินี้เป็นแหล่งรวมหนังสือที่มีมากที่สุดในประเทศไทย เพราะหนังสือจากทุกสำนักพิมพ์ และทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐภาคเอกชนจะถูกรวบรวมไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ ต้องบอกว่าหอสมุดแห่งชาติมีอีกหลายมุมที่น่าสัมผัสมาก ไม่ว่าจะเป็น ห้องดนตรีที่รวบรวมบทพระชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ 9 มีห้องที่จำลองประวัความเป็นมาของราชกาลที่ 6 ซึ่งจะทำเป็นหุ่นขี้ผึ้งข้างในห้องนี้จะสวยมากแต่น่าเสียดายทางหอสมุดแห่งชาติไม่ให้ถ่ายรูป เลยไม่มีรูปมาฝากแต่ก็มีรูปในส่วนอื่น ๆ การจัดหมวดหมู่ของที่นี้ก็จัดหมวดหมู่เป็นระบบทศนิยมดิวอี้ จุดเด่นของที่นี้คือจะเป็นแหล่งรวมหนังสือเก่าและใหม่มากมาย

                                                           ถ่ายรูปที่หอสมุดแห่งชาติ

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บรรณารักษ์ศึกษาดูงานที่ หอสมุดสุรัตน์โอสถานุเคราะห์ ม. กรุงเทพ

             ที่ ม. กรุงเทพเทพต้องบอกว่าเขาอยู่ในระดับเอกชน ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ เขาจะทันสมัยมาก อย่างระบบฐานข้อมูล O-PAC เขาก็พัฒนาขึ้นเอง ส่วนการจัดหมวดหมู่เขาจะจัดหมวดหมู่ในระบบรัฐสภาอเมริกัน ที่สนใจเป็นพิเศษเห็นจะเป็นกระบวนการทำงานในด้าน IT ในเรื่องของสื่อ CD รอม เขาจะทันสมัยมาก มีโปรแกรมฐานข้อมูลสื่อโสตทันศ์โดยเฉพาะ ซึ่งจะสะดวกในเรื่องการบริการโดยไม่ต้องไปยืมเป็นแผ่น CD สามารถดูได้ที่ฐานข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จัดไว้บริการต้องยอมรับว่าห้องสมุดเรายังไม่มี


หอสมุดสุรัตน์โอสถานุเคราะห์ ม. กรุงเทพ

บรรณารักษ์ศึกษาดูงานที่ หอสมุดป๋วย ม.ธรรมศาสตร์

             การไปศึกษาดูงานที่ หอสมุดป๋วยนี้ต้องบอกว่าเราได้สัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมายโดยเฉพาะระบบยืมคืนหนังสือด้วยตู้อัตโนมัติ และยิ่งไปกว่านั้นทางหอสมุดแห่งยังมีโครงการประหยัดพลังงานต้องถือว่าอยุ่ในขั้นที่ประสบความสำเร็จ ถ้าปรับใช้ที่ห้องสมุดของเราได้คงจะดี

                                                   ถ่ายรูปที่หอสมุดป๋วย ม. ธรรมศาสตร์

บรรณารักษ์ศึกษาดูงานที่ ม. ราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี

               การไปศึกษาดูงานครั้งนี้ที่สำนักวิทยบริการต้องบอกว่าเราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการทำงาน ซึ่งในการจัดหมวดหมู่มีลักษณะที่เหมือนกันกับขของเราคือ การจัดหมวดหมู่แบบดิวอี้ จุดเด่นของเขาคงคงจะเป็นในเรื่องของการยืมสื่อ CDรอม ที่นี้เขาสามารถยืมได้แต่ทวาของเรายังยืมไม่ได้

                                       ถ่ายรูปที่ สำนักวิทยบริการ ม.ราชภัฏเทพสตรี จ. ลพบุรี

บรรณารักษ์ ศศ.บ.3.9 เข้าร่วมอบรมในงาน 100 ปีกรมศิลปกร

            บรรณรักษ์ ศศ.บ.3.9 เข้าร่วมอบรมในงาน 100 ปีกรมศิลปกร ซึ่งในงานนี้ต้องบอกว่าเราได้วิทยากรจากหลายแหล่งและเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทั้งนั้น ทำให้ได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับกรมศิลปกรทำว่ามีอะไรบ้างอาทิ เช่น งานด้าน โบราณคดี เป็นการรวบรวมศึกษาโบราณวัตถุต่างๆ ในงานนี้เราก้ได้เห็นวัตถุโบราณที่หายาก

                                                             ถ่ายรูปร่วมกับวิทยากร

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

7 สิ่งมหัสจรรย์ของโลก ล่าสุด 2011 wonder7th

1. - เมืองซีเชน อิตซา เขตยูคาทาน เม็กซิโก (Chichen Itza) 





2. - รูปปั้นพระเยซูคริสต์ บนยอดเขาเมืองริโอ เดอ จานิโร บราซิล (Christ Redeemer) 






3.- สนามโคลอสเซียม กรุงโรม อิตาเลียน (Colosseum) 






4.- กำแพงเมืองจีน (Great Wall) 






5.- "เปตรา" เมืองนครหินสีชมพู จอร์แดน 







6.- เมืองสาบสูญแห่งอินคา "มาชูปิกชู" เปรู (Machu Picchu) 






7. - ทัชมาฮาล เมืองอักรา อินเดีย (Tal Mahal)